loading...

Tuesday, November 7, 2017

ฮือฮา !! พระลูกวัดเดินทางขึ้นเขาไปนั่งวิปัสสนากรรมฐาน พบซากเจดีย์เก่าอายุกว่า 400 ปี บนยอดเขาน้ำพุ (ชมคลิป)

 วันที่ 1 พ.ย. 60  พระสมุดิเรก อติเรกสุโภ เจ้าอาวาสวัดนครทิพย์ ซึ่งตั้งอยู่หมู่ 3 ต.เตาปูน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ได้นำผู้สื่อข่าวขึ้นไปตรวจสอบบนยอดเขาน้ำพุ หลังได้ค้นพบว่าบนยอดเขานั้นมีร่องรอยของเจดีย์เก่า ซึ่งน่าจะมีอายุมากกว่า 400 ปี ขึ้น ซึ่งตามเส้นทางที่เดินขึ้นไปนั้นมีความลาดชันสูงจากพื้นประมาณ 350 เมตร ซึ่งเมื่อขึ้นไปถึงยอดเขาพบว่ามีพระลูกวัด ของวัดนครทิพย์ขึ้นไปนั่งวิปัสสนากรรมฐานอยู่ นอกจากนี้ยังพบซากของฐานเจดีย์โบราณ มีหินศิลาแลงเก่าสมัยโบราณมีตะไคร่น้ำเกาะขึ้นอยู่บริเวณก้อนหินศิลาแลง มีลักษณะของการก่อขึ้นไปเป็นชั้นๆวางเรียงต่อกัน ก่อเป็นรูปวงกลม ตรงกลางมีรอยยุบลงไปจนเห็นได้ชัด ทางวัดได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ของกรมศิลปากรเข้ามาตรวจสอบเมื่อวันที่ 28 ต.ค.60 ที่ผ่านมา ซึ่งก็ได้รับคำยืนยันว่า บริเวณนี้เคยมีการสร้างเจดีย์ไว้ และน่าจะมีอายุไม่ต่ำกว่า 400 ปี หรือสมัยสมัยอยุธยาตอนต้น





โดยพระสมุดิเรก อติเรกสุโภ เจ้าอาวาสวัดนครทิพย์ เปิดเผยว่า เจดีย์ก่าแก่ที่พบบนยอดเขาน้ำพุ ได้มีการเล่าสืบต่อกันมาว่า เดิมพื้นที่เจดีย์นี้มีก้อนหินที่สวยงาม อยู่เต็มไปหมด มีต้นโพธิ์อยู่ด้านทิศตะวันออกขึ้นคู่ขนาบเจดีย์อยู่ 2 ต้น เป็นต้นโพธิ์ใหญ่ที่ชาวบ้านขึ้นมากราบไหว้บูชากัน บริเวณต้นโพธิ์จะมีแผ่นหิน ซึ่งโคนต้นโพธิ์ต้นหนึ่งเป็นแผ่นหินที่สามารถเป็นที่นอนได้ อีกโคนต้นหนึ่งสามารถเป็นแผ่นหินที่สามารถนั่งได้ 2-3 คน ต่อมีชาวบ้านตัดไม้เอาไปทำฟืนกระทั่งไม้ในพื้นที่หมดจึงเผาป่า สุดท้ายไฟได้ลุกไหม้ต้นโพธิ์ไปด้วย จึงเหลือแต่เจดีย์และก้อนหิน ชาวบ้านจึงช่วยกันขนก้อนหินเอาไปประกอบกิจการ ทางพระครูโสภณมงคลกิจ เจ้าอาวาสรูปแรก ของวัดนครทิพย์ เห็นว่าถ้าปล่อยไว้ป่าก็จะหมดไป จึงได้ขอความร่วมมือชาวบ้านให้ช่วยกันปลูกป่ารักษาต้นไม้ ช่วยกันดูแลเจดีย์แห่งนี้ โดยชาวบ้านมาปลูกป่าทุกวันพระ ให้ปลูก คนละ 1 ต้นทุกวันพระ และให้ทุกคนช่วยดูแลรักษาต้นไม้จนกลับมาเป็นป่าที่มีสภาพสมบูรณ์เหมือนเดิม และเมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมามี ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานต่างๆรวมถึงประชาชน ได้จัดพิธีบวชถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งได้บวชที่วัดเขาช่องพราน แต่ได้มาปฏิบัติธรรมวัดนครทิพย์ และได้ขึ้นมาบนยอดเขาจนมาพบเห็นสภาพเจดีย์เก่าที่รกร้างเป็นป่าทึบไม่เห็นอะไร จึงได้ขอพัฒนาพื้นที่เจดีย์เพื่อถวายพ่อหลวง เพราะพ่อหลวงเป็นนักพัฒนา และทำให้พื้นที่โล่งมองเห็น

 จากคำบอกเล่าของกรมศิลปากรที่ได้เดินทางมาสำรวจเมื่อเร็วนี้ คาดว่าพื้นที่ตั้งเจดีย์มีอายุประมาณ 400-500 ปี หรือประมาณสมัยอยุธยาตอนต้นถึงตอนกลาง มีบางส่วนเป็นก้อนอิฐของเจดีย์มีขนาด 7-9 นิ้ว ซึ่งบล็อกไม่เท่ากันสันนิษฐานว่าคงจะทำด้วยมือ ภายในเจดีย์ที่เป็นพื้นเรียงกันเป็นชั้นๆแสดงว่าภายใต้เจดีย์อาจจะมีชั้นของแผ่นหินอยู่ข้างในอีก จะต้องรอการสำรวจอย่างละเอียด นอกจากนี้ยังมีอิฐบางก้อนที่เป็นรูปบัวโดยเกิดขึ้นจากการที่แกะสลักมา ซึ่งเป็นรูปบัวของหินน่าจะเป็นสมัยทวาราวดี แต่ยังไม่ยืนยันเป็นที่แน่นอน นอกจากนี้ยังมีท่านผู้ใหญ่มาเล่าให้ฟังว่าสมัยก่อนเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์มีการทำศึกสงคราม และใช้เจดีย์เป็นที่สังเกตการณ์ ใช้หน่วยสอดแนมขึ้นมาอยู่ สามารถมองเห็น เพราะเจดีย์นี้ทางด้านทิศหนึ่งสามารถมองเห็นพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม และในแต่ละทิศยังสามารถมองเห็นได้รอบทิศ จะเห็นสภาพการเคลื่อนไหวของแนวทหารตามคำบอกเล่าต่อกันมา และเชื่อว่าเป็นเมืองลับแลเพราะมีคนได้ยินเสียงคล้ายกลอง และเห็นคนเดินลงไปอาบน้ำข้างล่าง แต่เมื่อขึ้นมาดูก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ และต่อไปในวันข้างหน้าอาจจะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว โบราณสถานที่มีอายุเก่าแก่ ก็ได้

 ด้านจ.ส.อ.อมรศักดิ์ มนประณีต กองพันทหารช่างที่ 112 กรมทหารช่างที่ 1 รักษาพระองค์ ค่ายบุรฉัตร จ.ราชบุรี ก็เล่าว่าตนบวชถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 และมาจำพรรษาที่วัดนครทิพย์ และได้ขึ้นมานั่งวิปัสสนากรรมฐานที่ข้างบน แต่เห็นว่ารกร้างมีแต่ป่าทึบ จึงได้ขออนุญาติทำการถากถางจนโล่ง และสามารถมองเห็นฐานเจดีย์โบราณได้ชัดเจน และในวันที่จะขึ้นมาปักกรดพร้อมกับพระอีกหลายรูปที่จะขึ้นมาปฏิบัติธรรมด้วยกัน พอจะก้าวขึ้นไปบนฐานเจดีย์ ก็มีฝูงนกกา สีดำ กว่า 50 ตัว บินมาทางทิศตะวันออกบินมาวนไปวนมาทั่วเขาประมาณ 15-20 นาที แล้วก็บินกลับไปทางเก่า ทั้งที่ในพื้นที่นี้เคยพบนกอีกาแค่ 2-3 ตัว แต่ไม่เคยพบมากขนาดนี้ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ยังไม่เคยพบเห็นฝูงนกอีกาอีกเลย ซึ่งตนนั้นเชื่อว่าต้องมีเทวดาเพื่อปกปักษ์รักษาสถานที่แห่งนี้อย่างแน่นอน



No comments:

Post a Comment